Longahearthealth

0999868443

emergency call

ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง รักษาหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างไร?

ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง รักษาหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างไร?

ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง (chronic heart failure) พบได้ในผู้ป่วยที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันมาก่อนหรือไม่ก็ได้ แต่ในขณะที่ทำการวินิจฉัยผู้ป่วยจะต้องมีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวและ/หรือมีการทำงานที่ผิดปกติไปของหัวใจ ซึ่งอาการอยู่กับผู้ป่วยมาเป็นเวลานาน โดยทั้งนี้ทั้งนั้นถือเป็นภาวะที่สามารถแก้ไขได้ โดยวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป

การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ทำอย่างไร

การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวจะต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว ความรุนแรงของโรค ระยะของโรค โรคอื่น ๆ ที่พบร่วม เป็นต้น โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย โดยที่มีเป้าหมายเพื่อลดอาการของผู้ป่วยและเพิ่มอัตราการรอดชีวิต ซึ่งอาจเน้นไปที่การยับยั้งหรือชะลอการเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและการทำงานของหัวใจ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินของโรค

ยกตัวอย่าง เช่น

  • การรักษาด้วยยา เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ยาเพิ่มการบีบตัวของหัวใจ ยากลุ่มลดการกระตุ้นระบบนิวโรฮอร์โมน ยาขยายหลอดเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นต้น
  • การใช้เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกาย การใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจถาวรชนิดที่ทำให้หัวใจ ห้องล่างซ้ายและขวาบีบตัวพร้อมกัน ร่วมหรือไม่ร่วมกับเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติชนิดฝังในร่างกาย
  • การผ่าตัดใส่เครื่องช่วยการสูบฉีดเลือดของหัวใจ
  • การผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจ การผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่ว
  • เรียนรู้อาการต่างๆ ของภาวะคั่งน้ำและเกลือ ได้แก่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บวม เหนื่อย นอนราบไม่ได้หรือต้องลุกขึ้นมานั่งหอบตอนกลางคืน หากมีอาการต้องแจ้งแพทย์และพยาบาลที่ให้การดูแลรักษา
  • ชั่งน้ำหนักตัวเองและบันทึกทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งในตอนเช้า ภายหลังเข้าห้องน้ำ ขับถ่ายแล้ว และต้องชั่งก่อนรับประทานอาหารเช้า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวมากกว่า 1 กิโลกรัมจากเดิมภายใน 1-2 วัน (หรือ 2 กิโลกรัมภายใน 3 วัน) แสดงถึงภาวะคั่งน้ำและเกลือ ดังนั้นจึงควรจำกัดการรับประทานเกลือโซเดียม (2-3 กรัมต่อวัน) ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม อาหารกระป๋อง และของหมักดอง และไม่เติม เกลือ น้ำปลา หรือซีอิ๊วลงไปเพิ่ม ควรจำกัดปริมาณน้ำดื่มตามแผนการรักษา
    • ในกรณีที่มีน้ำหนักตัวมาก ควรลดน้ำหนัก เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
    • กรณีที่มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อึดอัดแน่นท้อง มีน้ำหนักลดมากกว่า 5 กิโลกรัมในเวลา 6 เดือนหรือ BMI น้อยกว่า 22 กิโลกรัม/ตารางเมตร ควรรับประทานอาหารย่อยง่ายครั้งละไม่มากแต่บ่อยๆ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดสารอาหาร
  • งดสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1-2 แก้วต่อวัน หรืองดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลกดการทำงานของหัวใจและทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
  • หมั่นออกกำลังกายที่พอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ คือ การเดินบนทางราบ โดยเริ่มทีละน้อยๆ จาก 2-5นาทีต่อวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วเพิ่มเป็น 5-10 นาทีต่อวัน หรือเข้าสู่โปรแกรมการฟื้นฟูหัวใจด้วยการออกกำลังกาย หากมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สุขสบายควรงดออกกำลังกาย
  • สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หากเดินขึ้นบันได 1 ชั้น (8-10 ขั้น) ได้โดยไม่มีอาการหอบเหนื่อยหรือหยุดเดินกลางคัน เนื่องจากอาจมีอาการทรุดหนักลงได้หลังมีเพศสัมพันธ์
  • รับประทานยารักษาอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติใดๆ ที่เป็นอาการข้างเคียงของยาต้องปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดรับประทานยาทุกครั้ง หากซื้อยารับประทานจากร้านยาต้องปรึกษาแพทย์ถึงผลข้างเคียงของยาต่อหัวใจ ไต หรือปฏิกิริยาร่วมกับยาอื่นที่ใช้รักษาอยู่
  • ลดความเครียดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ออกกำลังกายที่พอเหมาะ และการทำสมาธิ
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไกลที่ต้องนั่งเป็นระยะเวลานาน โดยผู้ป่วยไม่ควรเดินทางคนเดียว และหากภาวะหัวใจล้มเหลวมีอาการแย่ลงมากไม่ควรเดินทางโดยสารเครื่องบิน
  • ควรได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีในกรณีไม่มีข้อห้าม
  • ที่สำคัญควรมาตรวจและพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งหมดนี้คือแนวทางในการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังซึ่งจะแตกต่างกันไป ตามความรุนแรงของโรค และลักษณะการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยแต่ละราย

โปรแกรมฟื้นฟูหัวใจด้วยการออกกำลังกายจาก Longa

Longa Heart Health Medical Center ศูนย์ดูแลรักษาหลอดเลือดและรักษาโรคหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัด มีโปรแกรมพิเศษที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการรักษาและฟื้นฟูหัวใจและหลอดเลือด แต่ไม่สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ ได้ โดยโปรแกรมฟื้นฟูและรักษาหลอดเลือด อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดและหัวใจที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 40 ปี คุณจึงมั่นใจได้ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพในการรักษารวมไปถึงความปลอดภัยอีกด้วย